เมสซี สวมเสื้อคลุม บิชต์ ก่อนชูถ้วยฟุตบอลโลก

ทำความรู้จัก “ บิชต์ ” (Bisht) เสื้อคลุมที่กาตาร์ เจ้าภาพ ฟุตบอลโลก 2022 มอบให้ “ลิโอเนล เมสซี” ยอดจอมบุกแห่งสมัย หลังพาทีมอาร์เจนตินาครองแชมป์โลกยุคที่ 3 ได้สำเร็จ ท่ามกลางกระแสโต้แย้งกันว่า กาตาร์ต้องการยกย่องเมสซีหรือขโมยซีนทีมแชมป์กันแน่

ควันหลงจากนัดชิงแชมป์ฟุตบอลโลกระหว่างทีมอาร์เจนตินา กับ ทีมฝรั่งเศส เมื่อคืน (18 ธ.ค.) ซึ่งจบลงด้วยชัยชนะของทีมฟ้าขาวหลังชนะดวลจุดลูกโทษตัดสิน นอกเหนือจากภาพชูถ้วยแชมป์ฟุตบอลโลกทีแรกที่เติมเต็มชีวิตค้าแข้งของ “ลิโอเนล เมสซี” กัปตันทีมชาติอาร์เจนตินาแล้ว ภาพที่ติดตาแฟนบอลทั่วโลกเป็น “เสื้อคลุมยาวสีดำ” หรือ “บิชต์” (Bisht) ที่ ชีค ทามิม บิน ฮาหมัด อัล ธานี เจ้าผู้ครอบครองรัฐกาตาร์มอบให้เมสซีสวมใส่ก่อนชูถ้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก

โดยปกติแล้ว กัปตันทีมแชมป์ครั้งก่อนๆจะได้ชูถ้วยพร้อมด้วยชุดแข่งขันทีมชาติของตัวเองอย่างภาคภูมิโดยไม่มีอะไรมาบดบัง แต่สำหรับภาพเมสซีชูถ้วยแชมป์ขณะใส่เสื้อปกคลุมยาวสีดำครั้งนี้ จัดว่าต่างกันไปอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากแฟนบอลเกือบจะมองไม่เห็นตราทีมชาติ และชุดแข่งขันสีฟ้าขาวบนตัวของเมสซีเลย

บิชต์ที่ เมสซี สวม คืออะไร

เสื้อคลุมดังกล่าวเรียกว่า “บิชต์” ซึ่งเป็นเครื่องแต่งกายตามจารีตในโลกอาหรับ นิยมใส่โดยชายชาวอิสลามมานานหลายพันปีแล้ว มักทำมาจากขนอูฐ และ ขนแพะ โดยวัสดุนี้จะถูกปั่นแล้วก็เลยทำออกมาเป็นผ้า และ ตัวผ้ามีเส้นด้ายเนื้อนุ่มสำหรับตัวที่ใส่เอาไว้ภายในหน้าร้อน และ ขนหยาบสำหรับตัวที่ใส่เอาไว้ข้างในฤดูหนาว

เวลาเดียวกัน เสื้อคลุมบิชต์มักสวมใส่เพื่อการเฉลิมฉลองในโอกาสพิเศษต่างๆอาทิเช่น งานแต่งงาน และเทศกาลทางศาสนา

หากแม้เสื้อคลุมบิชต์ที่ชายอาหรับนิยมใส่ส่วนใหญ่จะเป็นสีดำ แต่อันที่จริงแล้วยังมีสีขาว และ สีน้ำตาลด้วย และ มักกุ๊นขอบด้วยด้ายสีทองแบบเดียวกัน ทำให้ดูหรูหรา และ สูงศักดิ์

นอกจากนี้ บิชต์ยังมีความหมายรวมทั้งชุดคลุมที่มักสวมใส่โดยชนชั้นดูแล หรือผู้นำศาสนา ทำให้ถูกมองดูเป็นชุดสำหรับใส่ออกงานเกี่ยวกับราชวงศ์อาหรับ คนมั่งมี และ พิธีทางการ หรือเทียบเท่ากับ “เน็กไทดำ” ในประเทศตะวันตกด้วยเหมือนกัน

ปฏิกิริยา ในโลกฟุตบอล

ภาพที่เมสซีถูกสวมเสื้อคลุมบิชต์นั้น ถือเป็นโมเมนต์ใหญ่สำหรับเจ้าภาพกาตาร์ ซึ่งลงทุนเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกครั้งนี้ไปถึง 2.2 แสนล้านดอลลาร์ ด้วยเหตุว่าทำให้ทั่วโลกได้มองเห็นชุดหุ้มที่เปรียบได้กับสัญลักษณ์ด้านวัฒนธรรมของชาติ

ขณะเดียวกัน การที่ชุดบิชต์มักถูกสวมในงานเฉลิมฉลองสำคัญของผู้ดี ทำให้แฟนบอลและชาวเน็ตนิดหน่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทิศตะวันออกกลาง ชื่นชมเจ้าภาพกาตาร์ว่าการมอบชุดปกคลุมนี้ให้กัปตันทีมชาติอาร์เจนตินา ย่อมหมายถึงการแสดงความเคารพ และ ร่วมฉลองแชมป์โลกคราวนี้นั่นเอง

แต่ ผู้ใช้ทวิตเตอร์ในโลกตะวันตกไม่คิดแบบนั้น และ คิดว่ากาตาร์ต้องการขโมยซีนทีมแชมป์โลก

“แค่อยากถามว่าทำไม? ไม่มีเหตุผลที่ต้องทำแบบนั้นเลย” ปาโบล ซาบาเลตา อดีตแข้ง อาร์เจนตินา ที่ผันตัวเป็นกูรูฟุตบอลให้กับ สำนักข่าวบีบีซี ทวีตถามด้วยความข้องใจ

“มันน่าเสียดายที่พวกเขาคลุมเสื้อทีมชาติของเมสซี ในช่วงเวลาอัศจรรย์แบบนี้” แกรี ลินิเกอร์ อดีตดาวยิงทีมชาติอังกฤษ ซึ่งปัจจุบันเป็นพิธีกรรายการให้กับบีบีซีทวีต

โน่นเป็นเพียงแค่เสียงวิจารณ์บางส่วนจากการสวมชุดบิชต์ให้กับเมสซี แต่ถึงอย่างไรก็แล้วแต่ ดูเหมือนว่าเจ้าตัวก็ไม่ได้เกรงกลัว หรือเสียความรู้สึกกับการจะต้องชูถ้วยแชมป์โลกในชุดปกคลุมสีดำที่ปกปิดชุดทีมชาติเพียงแค่ชั่วครู่ เพราะหลังลงจากเวทีรับถ้วย เมสซีก็ถอดชุดคลุมออก เเละฉลองแชมป์กับเพื่อนร่วมทีม และ แฟนบอลอาร์เจนตินาในสนามอย่างสุดเหวี่ยง

เมสซีได้ขึ้นเวทีไปจับมือกับจานนี อินฟานตีโน ประธานฟีฟ่า และ ชีค ทามีม ของกาตาร์ ซึ่งได้ทรงใช้พระหัตถ์ตบเบา ๆ ที่คอของนักเตะวัย 35 ปีคนนี้ 2 ครั้ง

จากนั้น ก็มีการนำชุดบิชต์ (bisht) สีดำซึ่งเป็นชุดคลุมที่ผู้ชายนิยมสวมใส่ในโลกอาหรับ มาสวมให้กับเมสซี ก่อนที่เขาจะเต้นเข้าไปหาเพื่อนร่วมทีม และ ชูถ้วยรางวัลนี้

ไม่เพียงแต่เป็นช่วงเวลาสำคัญของเมสซีเท่านั้น แต่ยังเป็นช่วงเวลาของกาตาร์ด้วย การแข่งขันฟุตบอลโลกสิ้นสุดลงในวันชาติของกาตาร์ เป็นฟุตบอลโลกครั้งแรกที่จัดขึ้นในประเทศมุสลิม

นี่อาจจะเป็นเกียรติสำหรับเมสซีที่ได้สวมชุดอาหรับ แต่หลายคนก็มองว่า เป็นการไม่เคารพ และ บดบังความสำคัญของวันที่เขาเฝ้ารอคอยมานาน

ชีค ทามีม ทรงระบุผ่านทางทวิตเตอร์ว่า “เราได้ทำตามสัญญาแล้วว่าจะจัดการแข่งขันที่ยอดเยี่ยมจากประเทศอาหรับ”

“นี่คือโอกาสสำหรับผู้คนทั่วโลกในการได้ทำความรู้จักกับความรุ่มรวยทางวัฒนธรรมของเรา และ ต้นกำเนิดค่านิยมต่าง ๆ ของเรา”

นี่คือช่วงเวลาที่ไม่เหมือนใครที่จะกลายเป็นประวัติศาสตร์ของการแข่งขันฟุตบอลโลก และ จะทำให้นึกถึงตะวันออกกลางตลอดไป

ลิโอเนล เมสซี นักเตะที่ยอดเยี่ยมได้รับการประกาศชื่อให้ขึ้นไปบนเวที เพื่อชูถ้วยรางวัลชนะเลิศการแข่งขันฟุตบอลโลกที่เขาหมายปองมานานตลอดช่วงการเล่นฟุตบอลอาชีพที่แสดงความสามารถได้เหนือชั้น และประสบความสำเร็จอย่างงดงามของเขา